ข่าวทั่วไป

53 จังหวัดเช็กด่วน ปภ.เตือนเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก 17-23 ก.ย.

53 จังหวัดเช็กด่วน ปภ.เตือนเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก 17-23 ก.ย.

เตือนฝนตกหนัก ล่าสุดวันนี้ 18 ก.ย. 2567 เวลา 13.00 น. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) แจ้ง 53 จังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขัง และคลื่นลมแรง ในช่วงวันที่ 17 – 23 ก.ย. 2567 โดยให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน และสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในบริเวณพื้นที่เสี่ยงและบริเวณที่มีฝนตกสะสม เตรียมความพร้อมด้านบุคลากร อุปกรณ์ และเครื่องจักรกลสาธารณภัยให้สามารถเข้าเผชิญเหตุและช่วยเหลือประชาชนได้อย่างรวดเร็วเมื่อเกิดสถานการณ์ภัยขึ้น รวมถึงแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยทราบล่วงหน้า และประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนปฏิบัติตามประกาศแจ้งเตือนภัยอย่างเคร่งครัด

โดย นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) ได้ติดตามสภาวะอากาศและพิจารณาปัจจัยเสี่ยง ประกอบกับกรมอุตุนิยมวิทยาได้มีประกาศฉบับที่ 2 (194/2567) ลงวันที่ 17 กันยายน 2567 เวลา 17.00 น. แจ้งว่า พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน มีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน และคาดว่าในช่วงวันที่ 20 – 21 กันยายน 2567 จะเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามตอนกลาง ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้น ฝนตกหนักถึงหนักมากและมีลมแรง ในช่วงวันที่ 20 – 23 กันยายน 2567 บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ประกอบกับในช่วงวันที่ 17 – 21 กันยายน 2567 ร่องมรสุมกำลังค่อนข้างแรงพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ทำให้ภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น โดยทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 2 – 4 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 4 เมตร โดยมีพื้นที่แจ้งเตือนสถานการณ์ระหว่างวันที่ 17 – 23 กันยายน 2567 ดังนี้

พื้นที่เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำท่วมขัง

– ภาคเหนือ 15 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดแม่ฮ่องสอน (อ.เมืองฯ ปางมะผ้า ปาย สบเมย) เชียงใหม่ (อ.แม่อาย ฝางจอมทอง ฮอด) เชียงราย (อ.แม่สาย เชียงของ เชียงแสน แม่จัน แม่ฟ้าหลวง เทิง พญาเม็งราย เวียงแก่น) พะเยา (อ.เมืองฯ ปง เชียงคำ จุน ภูกามยาว เชียงม่วน) แพร่ (อ.วังชิ้น สูงเม่น เด่นชัย ลอง) น่าน (อ.ทุ่งช้าง เฉลิมพระเกียรติ ปัว บ่อเกลือ ท่าวังผา เชียงกลาง แม่จริม ภูเพียง เวียงสา) อุตรดิตถ์ (อ.ท่าปลา น้ำปาด) ตาก (อ.ท่าสองยาง แม่สอด พบพระ อุ้มผาง) สุโขทัย (อ.เมืองฯ ศรีสัชนาลัย ศรีสำโรง กงไกรลาศ) กำแพงเพชร (อ.ปางศิลาทอง คลองลาน โกสัมพีนคร พรานกระต่าย) พิษณุโลก (อ.ชาติตระการ นครไทย วัดโบสถ์ วังทอง เนินมะปราง) พิจิตร (อ.โพธิ์ประทับช้าง) เพชรบูรณ์ (อ.เมืองฯ หนองไผ่ หล่มเก่า หล่มสัก) นครสวรรค์ (อ.แม่วงก์ แม่เปิน) และอุทัยธานี (อ.บ้านไร่)
– ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 19 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเลย (อ.นาแห้ว เชียงคาน ด่านซ้าย ปากชม) หนองคาย (อ.เมืองฯ สังคม ศรีเชียงใหม่ ท่าบ่อ โพนพิสัย โพธิ์ตาก) บึงกาฬ (อ.เมืองฯ ปากคาด บุ่งคล้า โซ่พิสัย เซกา บึงโขงหลง) หนองบัวลำภู (อ.สุวรรณคูหา) อุดรธานี (อ.นายูง น้ำโสม) สกลนคร (อ.เมืองฯ ภูพาน สว่างแดนดิน) นครพนม (อ.เมืองฯ ศรีสงคราม) ชัยภูมิ (อ.เมืองฯ คอนสาร หนองบัวแดง) ขอนแก่น (อ.เมืองฯ ภูผาม่าน ชุมแพ บ้านไผ่) มหาสารคาม (อ.เมืองฯ) กาฬสินธุ์ (อ.เมืองฯ ยางตลาด ร่องคำ) มุกดาหาร (อ.เมืองฯ หว้านใหญ่ ดอนตาล) ร้อยเอ็ด (อ.เมืองฯ เสลภูมิ) ยโสธร (อ.เมืองฯ ป่าติ้ว คำเขื่อนแก้ว) อำนาจเจริญ (อ.เมืองฯ ชานุมาน) นครราชสีมา (อ.ปากช่อง วังน้ำเขียว) บุรีรัมย์ (อ.เมืองฯ) สุรินทร์ (อ.เมืองฯ ปราสาท) ศรีสะเกษ (อ.เมืองฯ ยางชุมน้อย) และอุบลราชธานี (อ.เมืองฯ วารินชำราบ ตาลสุม น้ำยืน พิบูลมังสาหาร น้ำขุ่น)
– ภาคกลาง 9 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดกาญจนบุรี (อ.สังขละบุรี ทองผาภูมิ) นครนายก (อ.เมืองฯ ปากพลี) ปราจีนบุรี (อ.กบินทร์บุรี นาดี) สระแก้ว (อ.เมืองฯ) ฉะเชิงเทรา (อ.สนามชัยเขต ท่าตะเกียบ) ชลบุรี (อ.ศรีราชา บางละมุง) ระยอง (อ.เมืองฯ แกลง บ้านค่าย) จันทบุรี (อ.เมืองฯ เขาคิชฌกูฏ สอยดาว โป่งน้ำร้อน มะขาม ขลุง) และตราด (ทุกอำเภอ)

– ภาคใต้ 9 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดชุมพร (อ.พะโต๊ะ สวี) สุราษฎร์ธานี (อ.พนม บ้านตาขุน) นครศรีธรรมราช (อ.พิปูน ช้างกลาง ลานสกา) ระนอง (ทุกอำเภอ) พังงา (อ.เมืองฯ คุระบุรี ตะกั่วป่า กะปง ท้ายเหมือง) ภูเก็ต (ทุกอำเภอ) กระบี่ (อ.เมืองฯ เหนือคลอง อ่าวลึก คลองท่อม ปลายพระยา เกาะลันตา) ตรัง (อ.เมืองฯ ปะเหลียน นาโยง กันตัง สิเกา ห้วยยอด วังวิเศษ) และสตูล (อ.เมืองฯ ควนโดน ควนกาหลง ทุ่งหว้า มะนัง)

พื้นที่เฝ้าระวังคลื่นลมแรง

– ภาคกลาง 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดชลบุรี (อ.เมืองฯ ศรีราชา เกาะสีชัง บางละมุง สัตหีบ) ระยอง (อ.เมืองฯ บ้านฉาง แกลง) จันทบุรี (อ.นายายอาม ท่าใหม่ แหลมสิงห์ ขลุง) และตราด (อ.เมืองฯ แหลมงอบ คลองใหญ่ เกาะช้าง เกาะกูด)- ภาคใต้ 6 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดระนอง (อ.เมืองฯ สุขสำราญ กะเปอร์) พังงา (อ.เกาะยาว ตะกั่วทุ่ง ท้ายเหมือง ตะกั่วป่า คุระบุรี) ภูเก็ต (ทุกอำเภอ) กระบี่ (อ.เมืองฯ คลองท่อม เกาะลันตา เหนือคลอง อ่าวลึก) ตรัง (อ.กันตัง สิเกา ปะเหลียน หาดสำราญ) และสตูล (อ.เมืองฯ ละงู ท่าแพ ทุ่งหว้า)กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก) โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จึงได้ประสานแจ้ง 53 จังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ รวมถึงศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตในพื้นที่เสี่ยงภัยให้เตรียมพร้อมรับมือกับปริมาณฝนที่ตกหนักซึ่งอาจทำให้เกิดอุทกภัยได้ โดยได้กำชับให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน และสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ตลอด 24 ชั่วใมง โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีฝนตกหนักและพื้นที่ที่มีฝนตกติดต่อกันเป็นเวลานาน พื้นที่จุดเสี่ยงที่เคยเกิดน้ำท่วมอยู่เป็นประจำ และพื้นที่ชุมชนเมืองที่เคยเกิดน้ำท่วมขังระบายไม่ทันสำหรับสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติ โดยเฉพาะถ้ำน้ำตก ถ้ำลอด หากมีความเสี่ยงเกิดสถานการณ์ภัย ให้ประกาศแจ้งเตือนและปิดกั้นพื้นที่ไม่ให้บุคคลใดเจ้าพื้นที่โดยเด็ดขาด พร้อมทั้งจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงภัยดังกล่าวตลอด 24 ชั่วโมง ในกรณีที่มีคลื่นลมแรง ให้แจ้งเตือนประชาชนบริเวณชายฝั่งทะเลและนักท่องเที่ยวห้ามลงเล่นน้ำโดยเด็ดขาด รวมถึงให้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมเจ้าท่า กองทัพเรือ ตำรวจน้ำ แจ้งเตือนการเดินเรือ โดยให้ชาวเรือ ผู้บังคับเรือ ผู้ประกอบการเดินเรือโดยสาร เดินเรือด้วยความระมัดระวัง หากสถานการณ์มีแนวโน้มรุนแรงขึ้น ให้พิจารณาห้ามเดินเรือออกจากฝั่งโดยเด็ดขาดนอกจากนี้ ขอให้เตรียมความพร้อมของเครื่องจักรกลสาธารณภัย รถปฏิบัติการ และเจ้าหน้าที่ชุดเผชิญสถานการณ์วิกฤต (ERT) ให้พร้อมเข้าเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทันทีที่เกิดสถานการณ์ขึ้น นอกจากนี้ ให้จังหวัดประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนติดตามข้อมูลสภาวะอากาศและข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด และแจ้งเตือนประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยทราบล่วงหน้าเพื่อให้ประชาชนเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์โดยปฏิบัติตามคำแนะนำจากทางราชการอย่างเคร่งครัดทั้งนี้ หากประเมินสถานการณ์แล้ว คาดว่าสถานการณ์มีแนวโน้มรุนแรงหรือขยายวงกว้างมากยิ่งขึ้น ให้จังหวัดเตรียมเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ เครื่องจักรกลสาธารณภัย และวัสดุอุปกรณ์ให้พร้อมออกช่วยเหลือประชาชนได้ทันทีที่เกิดสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ ให้จังหวัดแจ้งเตือนประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยทราบล่วงหน้า และแจ้งกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยอำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยให้ติดตามข้อมูลสภาวะอากาศ สถานการณ์น้ำ และข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด ตลอดจนเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ภัยที่อาจเกิดขึ้น

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *